หมวด 10 

ข้อเบ็ดเสร็จ

                ข้อ 100.  ระเบียบของสหกรณ์ ให้คณะกรรมการดำเนินการมีอำนาจกำหนดระเบียบต่าง ๆ เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์แห่งข้อบังคับนี้  และเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานของ สหกรณ์  รวมทั้งในข้อต่อไปนี้

(1)       ระเบียบว่าด้วยการรับเงินฝาก

(2)       ระเบียบว่าด้วยการให้เงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้

(3)       ระเบียบว่าด้วยการสรรหาคณะกรรมการดำเนินการ

(4)       ระเบียบว่าด้วยการรับจ่ายและเก็บรักษาเงิน

(5)       ระเบียบว่าด้วยเจ้าหน้าที่และลูกจ้าง

(6)       ระเบียบว่าด้วยการใช้ทุนเพื่อสาธารณประโยชน์

(7)       ระเบียบอื่น ๆ   ที่คณะกรรมการดำเนินการเห็นสมควรให้มีเพื่อสะดวก  และเป็นแนวปฏิบัติงานของสหกรณ์

ระเบียบข้อ (1) และระเบียบว่าด้วยการให้สหกรณ์อื่นกู้ยืมเงิน ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนสหกรณ์เสียก่อน  จึงจะใช้บังคับได้  ส่วนระเบียบอื่นเมื่อคณะกรรมการดำเนินการกำหนดใช้แล้ว  ให้ส่งสำเนาให้นายทะเบียนสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ทราบ

                ข้อ 101.  การดำเนินคดีเกี่ยวกับความเสียหาย   ในกรณีที่ทรัพย์สินของสหกรณ์เสียหายโดยประการใด ๆ หรือในกรณีที่สหกรณ์เรียกคืนเงินกู้ตามข้อ 100 (2)      แต่มิได้ชำระตามที่เรียกก็ดี  คณะกรรมการดำเนินการต้องร้องทุกข์ หรือฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความ

                ข้อ 102.  การตีความในข้อบังคับ   ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการตีความในข้อบังคับข้อใด  ให้ สหกรณ์ขอคำวินิจฉัยจากนายทะเบียนสหกรณ์ และให้สหกรณ์ถือปฏิบัติตามคำวินิจฉัยนั้น

                ข้อ 103.  การแก้ไขเพิ่มเติม หรือ เปลี่ยนใช้ข้อบังคับ     สหกรณ์อาจแก้ไขเพิ่มเติม หรือ เปลี่ยนใช้ข้อบังคับได้โดยมติแห่งที่ประชุมใหญ่  ซึ่งมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า สองในสามแห่งจำนวนสมาชิกที่มาประชุมและให้สหกรณ์  เสนอขอจดทะเบียนการแก้ไขเพิ่มเติม  หรือเปลี่ยนใช้ข้อบังคับนั้น ต่อนายทะเบียนสหกรณ์  ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ  เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนแล้ว  การแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนใช้ข้อบังคับนั้น จึงมีผลใช้บังคับได้

                การเสนอให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนใช้ข้อบังคับ จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้แจ้งข้อความเสนอให้พิจารณานั้น โดยเต็มสำนวนไปให้สมาชิกทราบล่วงหน้า พร้อมกับหนังสือแจ้งนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน 

ข้อ 104.  การจำหน่ายทรัพย์สินเมื่อสหกรณ์ต้องเลิก   เมื่อสหกรณ์ต้องเลิกและได้จัดการชำระบัญชี  โดยจำหน่ายทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์  ตลอดทั้งจ่ายคืนรับเงินฝากพร้อมด้วยดอกเบี้ยและชำระหนี้สินอื่น ๆ ของสหกรณ์เสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่า สหกรณ์มีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใด ให้ผู้ชำระบัญชีจ่าย ตามลำดับดังต่อไปนี้

(1)       จ่ายคืนเงินค่าหุ้นให้แก่สมาชิกไม่เกินมูลค่าหุ้นที่ชำระแล้ว

(2)       จ่ายเป็นเงินปันผลตามหุ้นที่ชำระแล้ว แต่ไม่เกินอัตราที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนด  ตามความเห็นชอบของคณะกรรมการพัฒนาสหกรณ์แห่งชาติ สำหรับ สหกรณ์แต่ละประเภท

(3)       จ่ายเป็นเงินเฉลี่ยคืนตามข้อ 22 (2)เงินที่จ่ายตามข้อ (2) และ (3)        เมื่อรวมทั้งสิ้นต้องไม่เกินยอดรวมแห่งจำนวนเงินกำไรสุทธิที่สหกรณ์หาได้  ในระหว่างปีที่เลิกสหกรณ์ กับทุนรักษาระดับอัตราเงินปันผลที่ถอนไปตามข้อ 22 (4)  ในปีนั้นถ้ายังมีทรัพย์สินเหลืออยู่อีก ให้โอนให้แก่สหกรณ์อื่น   หรือสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยตามมติของที่ประชุมใหญ่ หรือด้วยความเห็นชอบของนายทะเบียนสหกรณ์ ในกรณีที่ไม่อาจเรียกประชุมใหญ่ได้ ภายในสามเดือนนับแต่วันที่ชำระบัญชีเสร็จ

                ข้อ 105.  ในกรณีที่ข้อบังคับนี้มิได้กำหนดข้อความเรื่องใดไว้  ให้สหกรณ์นำบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์     ตลอดจนคำสั่งและระเบียบปฏิบัติของนายทะเบียนสหกรณ์มาใช้เป็นส่วนหนึ่งแห่งข้อบังคับนี้ด้วย

บทเฉพาะกาล

            ข้อ 106.  ให้บรรดาระเบียบ  มติ หรือคำสั่ง      ที่ใช้บังคับอยู่ในวันที่ข้อบังคับนี้ มีผลใช้บังคับยังคงใช้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัด หรือแย้งกับข้อบังคับนี้   จนกว่าจะมีระเบียบ มติ หรือคำสั่งที่ออกตามข้อบังคับนี้ใช้บังคับ

ข้อ 107.  กรรมการดำเนินการที่ได้รับเลือกตั้งก่อนจดทะเบียนข้อบังคับฉบับนี้      ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะพ้นจากตำแหน่ง   ตามข้อ 76      หรือจนกว่าจะมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีคราวต่อไป